Chachoengsao

[SR]เมื่อฉันได้ไปเที่ยวฉะเชิงเทราในมุมมองใหม่เก๋ไก๋ไฉไลกับงบประมาณ 0 บาท

กระทู้รีวิว
นี่เป็นการเดินทางครั้งที่นับไม่ถ้วน แต่เป็นการเดินทางครั้งแรกที่มีสปอนเซอร์ ถ้าไม่นับสปอนเซอร์พ่อแม่ การเดินทางครั้งนี้เราไปที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดที่เคยไปมา 2-3 ครั้งแล้ว แต่เคยไปแค่วัดหลวงพ่อโสธร วัดสมาน แล้วก็สวนปาล์มฟาร์มนก วันนี้จะได้ไปอีกครั้ง แต่จะเป็นฉะเชิงเทราในรูปแบบที่ไม่เคยไป ยิ้ม
__________________________________________________________________________________________

เราเริ่มการเดินทางที่ กทม เดินทางไปกันที่แรกคือ ศูนย์การเรียนรู้ฉะเชิงเทรา kcc ในใจคิดว่าคงเหมือนพิพิธภัณธ์ทั่วไป พอไปถึงเจอข้างหน้ามีหุ่นยนต์จากทรานฟอร์มเมอร์ยืนอยู่ข้างหน้า เท่มาก ที่นี่ไม่เสียค่าเข้า ต้องเอาบัตรประชาชนไปแลกกับบัตรเข้า หรือจะสมัครสมาชิกก็ได้ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 23 ปี จะเสีย 50 บาท หรือถ้าอายุมากกว่า 23 ปี ก็ 100 บาท ภายในศูนย์การเรียนรู้จะเหมือน learning space  มากกว่าพิพิธภัณฑ์ มีจุดให้ความรู้แบบนิ่งและแบบมัลติมีเดีย มีห้องสมุดที่มีหนังสือทั่วไป คอมพิวเตอร์ และไอแพด พร้อมไวไฟ ไว้สำหรับค้นหาข้อมูล มีห้องดูหนังที่เหมือนโรงหนังขนาดย่อม ซึ่งมีตารางหนังให้เข้ามาดูจริงๆ มีห้องซ้อมดนตรี และห้องสำหรับเด็ก คือแบบเข้าไปแล้วชอบมาก ดีกว่า learning space ที่ในกรุงเทพหลายๆที่อีก ไอเดียของที่นี่มาจากภาพยนต์เรื่อง zootopia ที่ทุกคนสามารถเป็นอะไรได้ก็อยากเป็น อย่างเท่ เยี่ยม

แล้วเราก็ไปกันต่อที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นอาคารทรงยุโรป สไตล์นีโอคลาสิก มีประวัติมายาวนาน โดยตัวตึกเป็นสีเหลือง ตัดกับประตูสีเขียว คลาสสิกมาก ข้างหน้ามีหอนาฬิกาและลานสวนหย่อมอยู่ คนนิยมมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งและรับปริญญา ตึกถือว่าโอเคเลยนะ สวยคลาสิก และเราไปก็ไปเดินสำรวจตึกรอบๆนั้น ซึ่งเป็นตึกที่สำนักงานทรัพย์สินเปิดให้เช่า ย่านนี้จึงเป็นย่านค้าขายที่สำคัญในตัวเมืองอีก 1 ย่าน ภายในตลาดก็จะมีร้านอาหารเจ้าอร่อย ทั้งอาหารคาว และร้านขนมหวาน แย่างร้านขนมไข่เจ้าดัง ตรงร้านธนาคารออมสิน เราต้องสั่งจอง ถ้าไม่ได้สั่งจองก็อดทาน มีตลาดสด คาเฟ่สวยๆ ร้านที่มีมาตั้งแต่รุ่นเก่าสืบต่อกันมา ใครชอบความคลาสิกที่นี่ไม่ควรพลาดจริงๆ จุ๊บๆ

หลังจากที่เราเดินทางกันมาซักพักก็ถึงมื้อกลางวัน เราเลือกปักหลักกันที่ร้านชัยครับ ร้านอาหารชื่อดังที่มีทำเลดีในการต้อนรับแขก มีห้องแอร์ไม่ร้อน เหมาะแก่การทานอาหารมาก อาหารก็มีเมนูหลากหลาย ทั้งปลาทูทอดน้ำปลาที่ทานได้ทั้งตัว ปลากระพงทอดน้ำปลา ปูนิ่มชุบแป้งทอด ตำส่ยบัว น้ำพริกไข่ปู ทะเลผัดซอสโหระพา ต้มยำปลานิล กินกันจนอิ่มตัวแตก จังหวะนี้ของกินเยอะมากๆ สายกินเรียนเชิญเลยค่ะ กินกันจนตัวระเบิดกันไปเลย ประหลาดใจ

ผ่านไปครึ่งวัน เราไปที่พักของเราคืนนี้กันดีกว่า ที่พักของเราคือ เดวารีสอร์ท รีสอร์ทแนวออแกนิกเชิงเกษตร อยู่ริมแม่น้ำบางปะกง มีทุ่งนาน้อยๆที่ถ่ายรูปได้สวยๆ รอบๆรีสอร์ทก็จะมีกิจกรรมนั่งรถอีแต๊กชมสวนมะม่วง ซึ่งที่นี่สวนมะม่วงติดอันดับประเทศ ที่เราไปคือสวนลุงโมทย์ เป็นสวนที่ชนะมาหลายรางวัล ต้นมะม่วงของลุงจะไม่สูง ต้นกำลังพอเหมาะน่ารัก มะม่วงมีการดูแลแบบเฉพาะที่คุณภาพก็อลังการ มะม่วงสุกนี่แบบหวานมาก  หวานเว่อ ถ้าไม่เชื่อต้องไปชิม แล้วก็มีกิจกรรมไหว้พระวัดคลองเขื่อน พระศักดิ์สิทธิ์ขอพรอะไรก็สมหวัง และกิจกรรมทำสปากระดานไฟ ที่เหมาะสำหรับสาวๆมาก เพราะคือการนอนบนแคร่ที่มีกองทัพสมุนไพร ห่อตัวด้วยผ้าห่ม แล้วอังไฟใต้แคร่อุ่นๆไม่ร้อนเกินไป เมื่อนอนจะได้เหงื่อออกมา ได้เผาผลาญขับของเสียออกมาทางเหงื่อ และผ่อนคลาย สบายตัว มีวิวเป็นแม่น้ำบางปะกงด้วย สุดคูล หัวใจ


หลังจากทำกิจกรรมต่างๆมา เราก็ไปทานอาหารเย็นกับทางรีสอร์ท ที่ชอบสุดคือกุ้งแม่น้ำย่างตัวใหญ่ แบบตัวใหญ่มากๆ กินสองตัวก็อิ่มแล้ว หลังจากทานอาหารอิ่ม เราก็ไปรำวงกับวงดนตรีชาวบ้านอันดับ 1 ของอำเภอคลองเขื่อน รำวงกันเพลินๆไป 3 ชั่วโมง ยุงกัดบ้าง อาจจะเพราะติดแม่น้ำ ยุงเลยเยอะ ใครสนใจมาเที่ยวแล้วต้องการวงดนตรี สนใจติดต่อมาเล่นได้นะ ติดต่อกับทางพี่เจ้าของรีสอร์ทได้เลยจ้า หลังจากที่เรารำวงกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาแยกย้ายกันนอน พอเข้าห้องพักเราก็สำรวจที่พักกันหน่อย ที่นี่มีเวลคัมดริ้งเป็นน้ำมะพร้าวที่เฉาะกันสดๆ สำหรับห้องมีระเบียงออกมาเดินทุ่งนา ชมวิวแม่น้ำได้ ห้องตกแต่งแบบไทยผสมกับลอฟต์ สวยไปอีกแบบ ห้องสะอาด มีทีวี ตู้เย็น น้ำเปล่า และกล้วยหวีเล็ก มีร้องเท้าแตะแบบสานให้ ส่วนห้องน้ำ น้ำไหลแรง มียาสระผม ครีมนวด สบู่แบบออแกนิกให้กลิ่นหอมมาก  ใช้แล้วติดใจ สำหรับสายโซเชี่ยลไม่ต้องกังวล ที่นี่มีไวไฟให้ และปลั๊กที่เยอะมากมาย ชาร์จตั้งแต่ห้องนอนยันห้องน้ำ สำรวจเสร็จแล้วก็อาบน้ำพักผ่อน คร่อกฟี้
เช้าแล้ว ตื่นมาด้วยความหลับเต็มอิ่ม เตียงนอนสบายมาก ผ้าห่มนุ่มนิ่ม ยังหลับต่อ เราอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปทานอาหารเช้ากัน ชมบรรยากาศยามเช้าขอวรีสอร์ท มีความธรรมชาติมาก แบบที่กรุงเทพก็ไม่มีบรรยากาศแบบนี้  ดอกไม้

แล้วเราก็เดินทางไปกันต่อที่เส้นทางล่องเรือคายัค กลุ่มท่องเที่ยวอนุรักษ์สียัด ใช่เลย เราจะพายเรือคายัคกัน เฮ้ย ฉะเชิงเทรามีที่ให้พายคะยัคด้วยหรอ มีสิ ราคาไม่แพงด้วยนะ คนละ 299 บาท พร้อมชูชีพและเรือ อาหาร ขนมและน้ำ มีการสอนการใส่ชูชีพและหมวก การใช้ไม้พาย เมื่อพร้อมแล้วก็ไปใส่ชูชีพ หมวก ขึ้นรถไปจุดเริ่มต้นกัน แต่สำหรับคนที่พายเรือไม่เป็น ไม่ต้องกังวล เพราะจะมีสตาฟที่ชำนาญพายไปกับเราด้วย เพราะเราก็พายไม่เป็น 5555 ตลอดสองข้างทางที่พายเรือเราจะได้ชมธรรมชาติ ต้นไม้ และที่สำคัญเราถ้าเราโชคดีจะได้เจอตัวรั้งหรืออีกัวน่า แต่เราไม่เจอ สงสัยกลัวเราพายเรือไปชน เพราะพายหมุนตลอดทาง  หลิ่วตา

พอพายเรือมาถึงฝั่ง ซึ่งมีพี่สตาร์ฟคอยช่วยเหลือมาตลอดทาง รู้สึกเกรงใจพี่เค้ามาก เราก็ได้ขึ้นฝั่งพร้อมความเปียก ตัวลงน้ำไปยันเอว ก้าวไม่ดีเองไม่โทษใคร คิดซะว่าเล่นน้ำคลายร้อน แต่ลืมบอกไปเราสามารถเลือกระยะทางในการพายได้ มีตั้งแต่ 3,5,10,20 กิโลเมตร เลือกได้ตามใจชอบเลย ระยะเวลาการพายก็ขึ้นกับความชำนาญ แต่สำหรับมือใหม่อย่างเรา เบาๆไปก่อน 3 กิโล กับ 2 ชั่วโมง แค่นี้ก็หมุนจนหน้ามืดแล้ว 5555 พอขึ้นฝั่งก็เปลี่ยนชุดมาทานข้าวที่ชาวบ้านเตรียมไว้ ตรงนั้นมีร้านน้ำปั่นร้านนึง สั่งได้ตามใจ ใครใครสั่งสั่งเลย แต่เสียเงินนะไม่ฟรี กินอิ่มเสร็จเราก็ไปแวะดูชุมชนปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอผ้าบ้านอ่างเตย เราจะเดินทางมาไกลกันหน่อย แต่ที่นี่มีความมหัศจรรย์ เพราะที่นี่ทำผ้าไหม ต้องแต่เลี้ยงหนอนไหมเลยจนกระบวนการทอเป็นผืนแพ็คขาย  แถมที่นี่ยังได้รางวัลการันตีมาอีกด้วย เยี่ยม

พอดูผ้าไหมเสร็จ เราก็ไปแวะร้านขนมเปี๊ยะชื่อดังของฉะเชิงเทรา ร้านตั้งเซ่งจั๊ว สาขาที่เราเลือกไปคือสาขาเก๋งจีน เป็นสาขาแรกของร้านนี้ มีความดั้งเดิม ร้านเป็นแบบสไตล์จีน มีลานจอดรถ มีห้องน้ำสะอาด ได้เจอเจ้าของร้านด้วย เจ้าของร้านใจดีมาก ชวนชิมขนมเปี๊ยะ ชิมชา ชิมกันจนอิ่ม เราก็ซื้อกลับมากัน กระซิบบอกแพคเกจของขนมสวยมาก มีความจีนบนความญี่ปุ่น เข้ากับสมัยใหม่ ไม่เหมือนขนมเปี๊ยะที่เคยเจอมา จะซื้อเป็นของฝากก็เท่ จะทานเองก็โอ หัวใจ

ต่อมาเราก็ไปที่พักของวันนี้กัน นั่นก็คือ บราวน์เฮ้าส์ คอฟฟี่แอนด์โฮสเทล ห้องพักสไตล์ลอฟต์ ที่ข้างบนเป็นห้องพัก ข้างล่างเป็นร้านกาแฟ สามารถชมวิวแม่น้ำบางปะกงและรางรถไฟลอยน้ำบางปะกงได้จากที่พักเลย ไม่รอเวลาเราก็สำรวจห้องพัก ก่อนจะไปทานอาหารเย็น ที่พักที่นี่เมื่อเข้าพักเราต้องลงทะเบียนเอกสารถ่ายสำเนาบัตรประชาชนก่อนรับกุญแจ ช่วงลงทะเบียนก็จะมีเวลคัมดริ้งเป็นน้ำอัญชัญมะนาว อร่อย แก้กระหาย และก่อนจะรับกัญแจพนักงานจะถามว่าเราจะรับอาหารเช้าอะไร แบบไทยหรือฝรั่ง ถ้าฝรั่งจะได้แบบชีสต์ พอได้กุญแจเราก็เข้าห้องพักกัน ห้องพักที่นี่สวยเหมือนคอนโดเลย ถ้าใครเคยเดินอีเกียร์หรือพวกแผนกแต่งบ้านบ่อยๆแบบเราจะชอบมาก ห้องสะอาด มีไวไฟ ทีวี ตู้เย็น น้ำเปล่าให้ มีโซนให้นั่งเล่น ถ่ายรูปเก๋ๆ ห้องน้ำสวย มีตู้อาบน้ำ สบู่ ชุดอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆยันแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว เช็ดผม เช็ดหน้า ชุดคลุมอาบน้ำ ไดร์เป่าผม เอาเป็นว่าพกเงินกับตัวมา อยู่ที่นี่ได้แบบสบายๆ ใครกลัวหิวตอนดึกหรือติดกาแฟตอนเช้าก็มีเซทเครื่องดื่มชากาแฟไว้ให้ชงด้วย ห้องแบบสวยมากๆ คุ้มค่ามากๆ ถ่ายรูปกันสะใจ  ประหลาดใจ


เมื่อสำรวจที่พักครบแล้วก็ไปทานอาหารเย็นกัน เราไปทานอาหารเย็นกันที่ตลาดท่าสะอ้าน ตลาดเล็กๆ ริมแม่น้ำบางปะกง ที่มีร้านอาหารทั้งซีฟู๊ดอาหารตามสั่ง อารมณ์คล้ายๆถนนคนเดิน พอสั่งปุ๊บก็ไปหาโต๊ะนั่ง มีทั้งนั่งบนเสื่อ และนั่งบนเก้าอี้ นอกจากร้านอาหารตามสั่งแล้ว ก็มีร้านขนมหวาน ปลาหมึกย่าง เครื่องดื่ม ทานอาหารตากลมแม่น้ำบางปะกง ฟังดนตรีสด สบ๊ายสบาย หลังจากท้องฝั่งของคราวเราเต็มแล้ว ก็ถึงเวลากระเพาะฝั่งของหวานบ้าง เราไปกินของหวานกันที่ร้านนมสดท่าใหญ่ๆ ใกล้ที่พักเรา ก็มีเมนูต่างๆ ทั้งเครื่องร้อนเย็น ปังเย็น หลากหลายแบบ ราคาไม่แพงด้วยนะจ๊ะ หลังจากที่กระเพาะทั้งคาวและหวานของเราเต็มแล้วก็ถึงเวลากลับที่พักพักผ่อนกันแล้ว คืนนี้ฝันดีจ้าาา พระจันทร์
อรุณสวัสดิ์กับเช้าวันสุดท้ายของการเดินทาง ตื่นมาด้วยความสดใส อาบน้ำแต่งตัว ไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร โดยมีพนักงานคอยเตรียมรอไว้อยู่แล้ว ไปถึงโต๊ะก็จะมีสลัดกับผลไม้รออยู่ แล้วพนักงานก็จะเอาจานหลักมาเสริฟ เป็นแฮม ไส้กรอก แล้วก็ชีสต์ทาสต์ อิ่มเว่อ อร่อย ฟินกับชีสต์ พอกินเสร็จแล้วก็ไปถ่ายระเบียงที่แต่งแบบสวน ไว้นั่งชมวิว เก็บกระเป๋ามาเช็คเอ้าท์ ถ่ายรูปคาเฟ่ข้างล่างนิดหน่อย คาเฟ่แบบสวยมากๆ มีความวินเทจ เป็นที่พักอีกที่ที่ไม่ควรพลาด ปักหมุดไว้เลย เยี่ยม

เราเดินทางแวะที่ร้านคาเฟ่กาแฟ Rosetta Pad Riew ก่อนออกจากตัวเมือง เป็นร้านกาแฟขนาดน่ารัก ตกแต่งสวยงาม เมนูหลากหลาย ที่ดังๆของร้านนี้คือลาเต้ร้อน มีลายบนหน้าอย่างสวยงามฟรุตตี้โซดา แถมมีขนมด้วย ทุกเมนูราคาไม่แพงเริ่มตั้งแต่ 30 บาท เจ้าของร้านมีดีกรีแชมป์ประกวดมา แถมหล่อด้วยนะ ที่เท่อลังการใจคือร้านนี้มีเครื่องคั่วกาแฟแบบใหญ่ๆด้วย เทคั่วกันสดๆได้เลย  กาแฟโดนัท


อิ่มกับกาแฟกันแล้ว เราจะไปทำไอติมกับพิซซ่ากัน ที่มินิมูร่าฟาร์ม ฟาร์มความเชิงเกษตร ค่าเข้าคนละ 40 บาท แต่ละกิจกรรมมีค่าใช้จ่ายต่างกันไปเริ่มตั้งแต่ 30 - 250 บาท โดยแต่ละกิจกรรมก็จะมีเจ้าหน้าที่ของทางฟาร์มคอยดูคอยสอนอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทำแปลงผัก ให้อาหารกระต่าย กวาง แพะ เป็ด และให้นมลูกควาย แบบน่ารักมาก วัวกระต่าย

แล้วเราก็ไปกันต่อที่ตลาดเก่าคลองสวน 100 ปี เป็นสถานที่สุดท้ายของเราในทริปนี้ ตลาดนี้เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีมายาวนาน มีอณาเขตพื้นที่ติด 2 จังหวัด ทั้งฉะเชิงเทราและสมุทาปราการ เราได้เดินชมตลาด มีร้านค้ามากมาย ได้แวะเยี่ยมชมร้านนันท์ภัส ร้านขนมบุหรันดั้นเมฆร้านแรกของตลาดคลองสวน  ซึ่งมีวิธีทำเฉพาะที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น ได้ดูวิธีทำ ชิมรสชาติ แถมยังมีขนมอื่นๆอีกเช่น ขนมตะลุ่ม ขนมช่อแก้ว เป็นต้น ซึ่งแต่ละอันก็เป็นขนมที่หายาก ไม่ค่อยมีขายทั่วไป แล้วเราก็เดินชมตลาดกันอีกซักพัก ชมวิถีชีวิตของ 3 วัฒนธรรม ทั้ง ไทย จีน และอิสลาม ซึ่งอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว เดินชม ถ่ายรูป ชอปปิ้งกันอย่างอิ่มใจแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โลกสู่ความเป็นจริงอย่างสวัสดิภาพ pompom

จบแล้วกับทริป 3 วัน 2 คืน ที่ฉะเชิงเทรา ในมุมมองอีกมุมที่เราไม่เคยไป จังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่น่ารัก มีหลายอย่างครบครัน ทั้งวัด ตลาด สถานที่ธรรมชาติ และร้านอาหารที่มากมาย ถ้าอยากไปเที่ยวพักผ่อนไม่ไกลกรุงเทพ ฉะเชิงเทราเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเลย มาเที่ยวกันเยอะๆ ประเทศไทยมีอีกหลายที่ที่น่าค้นหา ออกไปเที่ยวกันค่าาา 
ยิ้ม
credit : https://pantip.com/topic/37210866

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม